อากาศ หนาว แล้ว ผื่น ขึ้น
- 8 โรคผิวหนังที่แฝงมากับลมหนาว
- เตือนภัยหน้าหนาว !! ระวังเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง อันตรายที่มากับอากาศเย็น | Campus Star | LINE TODAY
- ช่วงอากาศเปลี่ยน ผิวหนังเป็นผื่นแพ้ขึ้น แก้อย่างไรดี? | Arincare Blog | อัพเดทสาระน่ารู้เรื่องยา เภสัชกรรม การบริหารร้านขายยา และการดูแลสุขภาพ
- 7 โรคผิวหนังที่พบบ่อยมากขึ้นในฤดูหนาว
โรคหัด มักจะเป็นในเด็กเล็กอายุ 1-4 ปี จนกระทั่งถึงระดับประถม มักจะมีอาการไข้สูง ไอมาก ตาแดง ต่อมามีผื่นแดงขนาดเล็กๆ ขึ้นทั่วตัว แขน และขา โรคหัดเป็นโรคที่ติดต่อกันทางระบบทางเดินหายใจการป้องกันโรคหัด คือต้องรักษาสุขภาพให้ดี ในฤดูหนาวอากาศเย็นควรใส่เสื้อผ้าหลายชั้น แต่วิธีป้องกันที่ดีที่สุดและเด็กทุกคนควรทำคือ การฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด 7. โรคหัดเยอรมัน ผู้ป่วยมักมีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยตามตัว หลังจากนั้นจะมีผื่นขึ้นที่หน้า คอ ลำตัว แขน และขา ผื่นมักขึ้นเต็มตัวภายในระยะเวลา 1 วัน และผื่นมักจะหายไปเองภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วัน โรคหัดเป็นโรคที่ติดต่อกันทางระบบทางเดินหายใจ ในเด็กทุกคนควรฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมัน รู้อย่างนี้แล้ว หนาวนี้นอกจากการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ และการสวมใส่เสื้อผ้าให้อบอุ่น ก็อย่าลืมเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวด้วย สุขภาพร่างกายของคุณจะได้แข็งแรงตลอดฤดูหนาว พญ. ดวงกมล ทัศนพงศากุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านผิวหนัง โรงพยาบาลเวชธานี
8 โรคผิวหนังที่แฝงมากับลมหนาว
- โหลด pubg mobile ในคอม
- ผล สลาก 1 ก พ 2563
- ผื่น ฮิตที่พบบ่อยในฤดูฝน - Thaihealth.or.th | สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)
- ช่วงอากาศเปลี่ยน ผิวหนังเป็นผื่นแพ้ขึ้น แก้อย่างไรดี? | Arincare Blog | อัพเดทสาระน่ารู้เรื่องยา เภสัชกรรม การบริหารร้านขายยา และการดูแลสุขภาพ
- แอ ป ที่ ผ่อน ของ ได้
- มอง บ ลัง ค์ น้ํา หอม
- เครื่อง เป่า ลม ร้อน ถอด ic
- บท สรุป ไฟ น อ ล 3.1
- ล อ รี อั ล สี เขียว
- สดช่อง pptv hd ช่อง 36 | ดู รายการทีวี ละคร ย้อนหลัง ตอนที่ ล่าสุด
- แปล เพลง close to you song
- ไอ โฟน xs max ราคาล่าสุด 2564 black
โรคหัดเยอรมัน ผู้ป่วยมักมีไข้ต่ำๆ ปวดเมื่อยตามตัว หลังจากนั้น จะมีผื่นขึ้นที่หน้า คอ ลำตัว แขนและขา ผื่นมักขึ้นเต็มตัวภายในระยะเวลา 1 วัน และมีต่อมน้ำเหลืองโต ผื่นมักจะหายไปเองภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 วัน โรคหัดเยอรมันเป็นโรคที่ติดต่อกันทางระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นในเด็กทุกคนควรฉีดวัคซีนป้องกันหัดเยอรมันตามเกณฑ์เพื่อป้องกันการเกิดโรค ที่สำคัญคือถ้าสตรีเป็นขณะตั้งครรภ์จะทำให้ทารกพิการได้ นอกจากโรคที่เกี่ยวข้องกับเชื้อไวรัสแล้ว โรคผิวหนังอักเสบที่อาจจะกำเริบช่วงหน้าหนาว ได้แก่ 6. โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) เป็นโรคที่พบได้ทุกฤดู แต่ในช่วงฤดูหนาวผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง จะมีโอกาสเกิดมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันผิวหนังรุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยมักจะเกา ซึ่งการเกาอาจจะทำให้เกิดแผลติดเชื้อตามมา ดังนั้นผู้ป่วยที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง มักจะมีลักษณะผื่นเป็นผื่นแดง แห้งลอก มีอาการคันมาก มักเป็นที่บริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา ใบหน้า แขน ขา และซอกคอ 7.
เตือนภัยหน้าหนาว !! ระวังเป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง อันตรายที่มากับอากาศเย็น | Campus Star | LINE TODAY
เมื่อลมหนาวมาเยือน หลายคนก็แฮปปี้ดี๊ด๊า ไม่ต้องทนแดด ทนฝนอีกต่อไป แถมยังเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยวเป็นที่สุด แต่อย่าลืมว่า อากาศหนาวก็สามารถทำให้เราป่วยได้เช่นกันนะ นอกจากนี้ อุณหภูมิที่เย็นลง ยังเอื้อให้เชื้อไวรัสอยู่รอด และแพร่กระจายได้เป็นอย่างดีอีกด้วย โดย โรคหน้าหนาว ที่ทุกคนควรระวังจะมีอะไรบ้างนั้น มาติดตามไปกับ GedGoodLife กันเลย 8 โรคหน้าหนาว ที่ควรระวัง! 1.
ช่วงอากาศเปลี่ยน ผิวหนังเป็นผื่นแพ้ขึ้น แก้อย่างไรดี? | Arincare Blog | อัพเดทสาระน่ารู้เรื่องยา เภสัชกรรม การบริหารร้านขายยา และการดูแลสุขภาพ
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ เผยแพร่ วันที่ 9 ธันวาคม 2559 ลมหนาวเริ่มผ่านมากระทบผิว ให้ได้รู้สึกถึงอากาศที่ลดลง ทำให้ร่างกายต้องปรับสภาพ หากร่างกายปรับสภาพไม่ทันอาจทำให้เกิดอาการเจ็บป่วย ซึ่งมีโรคหลายๆ โรคที่แอบแฝงมากับความเย็น พญ. ภาวดี ศึกษากิจ แพทย์ประจำศูนย์ผิวหนังเลเซอร์และความงาม โรงพยาบาลเวชธานี ลาดพร้าว 111 กล่าวว่า ช่วงที่ลมหนาวมาเยือนสลับกับอากาศร้อนและฝนในบางช่วง มักทำให้เกิดโรคที่มาจากไวรัส ซึ่งแสดงออกผ่านทางผิวหนัง โดยแบ่งเป็นโรคใหญ่ๆ ได้ถึง 8 โรค ได้แก่ 1. โรคสุกใส หรืออีสุกอีใส เกิดจากเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นเชื้อเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคงูสวัด สามารถติดต่อได้ทางอากาศ น้ำมูก น้ำลาย สัมผัสถูกตุ่มแผลสุกใสโดยตรง หรือการใช้ของร่วมกับผู้ป่วย อาการที่แสดงออกจะเริ่มจากการปวดเมื่อยตามตัว ปวดศีรษะ เบื่ออาหาร อาจมีไข้หรือไม่มีไข้ ต่อมาจะเริ่มมีตุ่มน้ำใสๆ ขึ้นตามผิวหนัง กลุ่มคนที่มีความเสี่ยง โดยมากจะเกิดกับเด็กเล็กๆ วัยรุ่น จนถึงในวัยหนุ่มสาว แต่ก็มีเกิดกับผู้ใหญ่ได้บ้าง ซึ่งหากเกิดกับผู้ใหญ่ อาการของโรคมักจะรุนแรง และมีโรคแทรกซ้อน มากกว่าในเด็ก หรือในวัยหนุ่มสาว การป้องกัน: ฉีดวัคซีน การรักษา 1.
การดูแลผิวในฤดูหนาว เนื่องจากสภาวะอากาศในช่วงฤดูหนาว อากาศจะมีความชื้นสัมพัทธ์ลดลง การสูญเสียน้ำออกจากผิวเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นปัญหาผิวส่วนใหญ่ของคนไทยในช่วงฤดูหนาว จะเป็นปัญหาในเรื่องของผิวแห้ง หยาบ เมื่อผิวแห้งมากๆ ก็จะเกิดอาการคัน มีผื่นขุย และมีโอกาสแตกเป็นแผลและติดเชื้อแทรกซ้อนได้ง่ายขึ้น โดยปัจจัยเสี่ยงต่อการพบภาวะผิวแห้ง หรือ ผื่นคันเห่อในช่วงฤดูหนาวได้แก่ 1. ผู้สูงอายุ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของสรีระ ของผิวหนังหลายประการ เช่น ปริมาณไขมันในชั้นผิวหนังลดลง การทำงานของต่อมเหงื่อลดลง ทำให้เกิดภาวะผิวแห้งได้ง่ายขึ้น 2. บุคคลที่มีภาวะผิวหนังผิดปกติอื่นๆ เช่น เด็กหรือผู้ใหญ่ที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังอยู่ก่อน ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินผู้ป่วยกลุ่มนี้ ผิวจะแห้ง และผื่นจะเห่อมากขึ้นในช่วงฤดูหนาว 3. บุคคลที่มีโรคประจำตัวบางชนิด หรือ รับประทานยาบางกลุ่ม จะทำให้มีผิวแห้งมากกว่าคนปกติ เช่น คนที่เป็นโรคตับหรือโรคไต จะมีผิวแห้งมากกว่าปกติ หรือผู้ที่รับประทานยากลุ่มยาลดไขมันบางตัว ยาขับปัสสาวะ เป็นต้น 4. ปัจจัยเสริมบางประการ เช่น การอาบน้ำบ่อยๆ โดยใช้สบู่อาบน้ำที่มีค่าความเป็นด่างสูง หรือ ชอบอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อน การขัดผิวหรือใช้ผลิตภัณฑ์ผลัดเซลล์ผิวถี่เกินไป ดังนั้นการดูแลรักษาภาวะผิวแห้งในฤดูหนาว หลักๆก็คือ 1.
7 โรคผิวหนังที่พบบ่อยมากขึ้นในฤดูหนาว
เริม เกิดจากเชื้อไวรัสกลุ่ม Herpes (HSV-1/ HSV-2) เริมจะมีลักษณะเป็นกลุ่มของตุ่มน้ำขนาดเล็ก มีขอบแดง แต่ไม่เรียงตามแนวเส้นประสาท พบได้บ่อยที่บริเวณริมฝีปาก อวัยวะเพศ และก้น การติดเชื้อครั้งแรกมักจะมีไข้ ปวดเมื่อย ต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงมีการอักเสบ ผู้ที่เคยเป็นโรคเริมแล้ว จะมีโอกาสเป็นซ้ำในตำแหน่งเดิมได้บ่อย โดยมีสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดซ้ำ คือภาวะเครียด มีภูมิต้านทานร่างกายต่ำลงพักผ่อนไม่เพียงพอ เริมสามารถติดต่อได้จากการสัมผัสตุ่มน้ำหรือแผล และเพศสัมพันธ์ 4. ผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Atopic dermatitis) เป็นโรคที่พบได้ทุกฤดู แต่ในช่วงฤดูหนาวผื่นภูมิแพ้ผิวหนังจะมีโอกาสเกิดมากขึ้น เนื่องจากอากาศหนาวผิวจะยิ่งแห้ง เพราะความชื้นในอากาศต่ำ อากาศแห้ง เย็น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคันผิวหนังรุนแรงมากขึ้น ผู้ป่วยมักจะเกา ซึ่งการเกาอาจจะทำให้เกิดแผลติดเชื้อตามมา ดังนั้น ในผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องใช้ครีมทาผิวให้ชุ่มชื้นมากๆ เพื่อป้องกันการเกิดผื่นมากขึ้น ผู้ป่วยที่เป็นผื่นภูมิแพ้ผิวหนังมักจะมีลักษณะผื่นเป็นผื่นแดง แห้งลอก มีอาการคันมาก มักเป็นที่บริเวณข้อพับแขน ข้อพับขา ใบหน้า แขน ขา และซอกคอ 5. ผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณผิวมัน (Seborrheic dermatitis) เป็นผื่นแดงมีสะเก็ดเป็นมัน ขอบเขตชัดเจน ผื่นชนิดนี้มักอยู่บริเวณร่องข้างจมูก หว่างคิ้ว หน้าหู หลังหู และหนังศีรษะ เนื่องจากอากาศในฤดูหนาวทำให้ผิวแห้งจึงทำให้ผื่นชนิดนี้มีโอกาสเกิดได้มากขึ้น 6.
อุจจาระร่วง โรคอุจจาระร่วง (Diarrhea) ในฤดูหนาว ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการติด เชื้อไวรัสโรต้า พบบ่อยที่สุดในเด็กอายุ 6 – 12 เดือน เนื่องจากยังมีภูมิต้านทานต่ำ และเด็ก ๆ มักมีพฤติกรรมหยิบสิ่งของเข้าปาก ทำให้เชื้อเข้าสู่ร่างกายได้ง่ายขึ้น อาการของโรค คือ มีไข้ ถ่ายเหลว และอาเจียนอย่างหนัก จนอาจเกิดภาวะขาดน้ำรุนแรง ถึงขั้นช็อก หรือเสียชีวิตได้ จึงควรให้ผู้ป่วยจิบสารละลายเกลือแร่บ่อย ๆ เพื่อป้องกันการขาดน้ำ หากผู้ป่วยดื่มน้ำไม่ได้ อาจต้องให้น้ำเกลือทางเส้นเลือดแทน ท้องเสีย กินอะไรให้หายดี? สาเหตุ อาการ วิธีรักษาอาการท้องเสีย 6. โรคไข้สุกใส ไข้สุกใส หรือ โรคสุกใส (Chicken pox) เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า ไวรัสวาริเซลลา (varicella virus) ติดต่อผ่านการสัมผัสตุ่มน้ำใสโดยตรง สัมผัสของใช้ หรือสูดลมหายใจเอาละอองของตุ่มน้ำเข้าไป พบมากในเด็กวัยเรียนที่มีอายุ 5 – 15 ปี ในผู้ใหญ่จะพบได้น้อยกว่า มักจะเกิดกับผู้ที่ยังไม่เคยเป็นโรคนี้มาก่อน ส่วนผู้ที่ที่เคยเป็นโรคนี้แล้ว ก็จะไม่กลับมาเป็นอีก โรคไข้สุกใส สามารถพบได้ประปรายตลอดทั้งปี แต่มักมีการระบาดในช่วงปลายฤดูหนาว เดือน ม. ค. -มี. อาการที่พบคือ มีไข้ต่ำ ๆ เบื่ออาหาร ปวดเมื่อยตามร่างกาย คล้ายกับอาการของไข้หวัดใหญ่ แต่มีผื่นหรือตุ่มใสขึ้น และมีอาการคัน หลังจากนั้นตุ่มจะแห้งแล้วตกสะเก็ดไปเองใน 5-10 วัน ปรึกษาแพทย์เรื่องสุขภาพต่าง ๆ ได้ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง คลิก!
แม้อาการแพ้เหงื่อจะสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดขึ้นในผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และจะเริ่มแสดงอาการให้เห็นครั้งแรกในช่วงอายุ 10 ปี และ 30 ปี โดยคนที่มีแนวโน้มเสี่ยงต่ออาการนี้ ได้แก่ ผู้ที่มีอาการลมพิษเรื้อรัง และผู้ป่วยโรคที่เกี่ยวข้องกับอาการภูมิแพ้ อาทิ โรคหอบหืด โรคจมูกอักเสบ หรือผื่นผิวหนังอักเสบ เป็นต้น แพ้เหงื่อรักษาได้อย่างไร?
ควรเลือกโลชั่นหรือครีมทาผิว ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและสารกันเสีย เพราะอาจทำให้อาการแพ้รุนแรงขึ้น 4. ไม่ ถู ขัด เกา บริเวณที่เป็นผื่น นอกจากนี้การพักผ่อน การออกกำลังกาย และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย 7. ผื่นผิวหนังอักเสบ (Seborrtheic dermatitis) จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง มีสะเก็ด เป็นมันๆ โดยมากจะเกิดบริเวณร่องข้างจมูก หว่างคิ้ว หน้าหู และหนังศีรษะ โดยเฉพาะหน้าหนาวยิ่งทำให้ผิวแห้ง จึงทำให้ผื่นชนิดนี้มีโอกาสเกิดได้มากขึ้น 1. ระยะเฉียบพลัน ให้ประคบด้วยน้ำเกลือ จนกว่าจะแห้งจึงหยุดประคบ 2. ระยะปานกลาง แพทย์จะให้ทายาสเตียรอยด์ แต่จะต้องอยู่ที่ตำแหน่งของผื่นด้วย 3. ระยะเรื้อรัง การใช้ยาสเตียรอยด์ผสม Salicylic acid จะช่วยให้ผื่นหายเร็วขึ้น 8. เชื้อรา กลาก (ring worm หรือ tinea) เกิดจากเชื้อรากลุ่มเดอร์มาโตไฟต์ ซึ่งจะเกิดที่ผิวหนังชั้นนอกสุด เช่น คอ ลำตัว แขนขา ศีรษะ เล็บ ติดต่อได้จากการสัมผัสโดยตรง และติดต่อง่าย 1. ทาขี้ผึ้งรักษากลากเกลื้อน ติดต่อกันทุกวันประมาณ 3-4 สัปดาห์ 2. ผู้ที่เป็นๆ หายๆ การใช้ยาทาเพียงอย่างเดียวอาจทำให้หายช้า จะต้องรักษาด้วยยาฆ่าเชื้อราชนิดรับประทานร่วมด้วย ซึ่งการรับประทานยาจะต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ สำหรับวิธีการดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคกลาก -ควรทำความสะอาดของร่างกายด้วยการอาบน้ำฟอกสบู่อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยเฉพาะบริเวณข้อพับและซอกต่างๆ ของร่างกาย อย่าปล่อยให้เปียกชื้น และระวังอย่าให้มีเหงื่ออับชื้นอยู่เสมอ – ควรแยกสิ่งของเครื่องใช้ส่วนตัวอื่น ๆ ไม่ควรใช้สิ่งของเหล่านี้ปะปนกับ – ห้ามใช้ครีมสเตียรอยด์ทารักษาโรคกลาก เพราะอาจจะทำให้โรคลุกลามได้